บ้านและครอบครัว

บ้านและครอบครัว

บ้านคือ ความสุขที่สุดในชีวิตนิยามคำว่า บ้านใน
ความหมายของพี่คือ พื้นที่ที่เราอยู่แล้วมีความสุขและได้พักผ่อนอย่างแท้จริง เป็นที่ที่ทุกคนในครอบครัวอยู่ด้วยกันแล้วมีแต่รอยยิ้ม โดยตัดเรื่องเครียดจากภายนอกออกไป และมีกิจกรรมต่าง ๆ ทำร่วมกัน ซึ่งบ้านลลิล สามารถตอบสนองสิ่งต่าง ๆทั้งหมดได้ในทุกตารางนิ้วของโครงการ ทั้งจากพื้นที่ภายในบ้าน และ สาธารณูปโภคภายในโครงการ ทำให้ทุก ๆ วันของพี่ที่อยู่ที่นี่มีแต่ความสข


“บ้าน คือ จุดศูนย์รวมของชีวิต เป็นที่พักผ่อน และให้ความสุขอย่างแท้จริง ทุกคนที่ทำมาหาเลี้ยงชีพดิ้นรนก็เพื่อมีบ้านเป็นของตัวเอง บ้านจึงเป็นเป้าหมายหลักของชีวิต ไม่ว่าจะมียศฐาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตแค่ไหน แค่มีบ้าน มีลูก มีครอบครัวที่อบอุ่น นั่นก็คือความสุขที่สุดและเป็นที่สุดท้ายของชีวิตแล้ว เพราะความสุขที่แท้จริงก็คือความสุขของทุกคนในครอบครัว”

เคล็ดไม่ลับ..บ้านร่มเย็น อยู่สบาย 1วางแปลนบ้านให้ถูกทิศทางที่ลมพัดผ่านเข้าออกได้สะดวก ลมพัดเข้าทางทิศเหนือหรือใต้ และควรเปิดช่องให้ลมพัดออกเพื่อระบายอากาศ

2เลือกวัสดุกรุผนังที่เป็นฉนวนกันความร้อน เช่น หินเทียม และควรใช้สีอ่อน หากกรุผนังสองชั้นเว้นช่องอากาศไว้จะเป็นฉนวนกันร้อนได้ดี

3หลังคาควรออกแบบให้สามารถระบายความร้อนได้เร็วขึ้น หรือใช้วิธีเปิดช่องระบายอากาศที่ช่องหลังคาก็ได้ หรือไม่ก็ใช้ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา

4ปรับสภาพแวดล้อมรอบบ้านทำให้บ้านเย็นลง จัดสวนปลูกหญ้าเพื่อดูดซับความชื้นในดินมาเก็บไว้ หรือปลูกไม้เลื้อยและไม้ใหญ่ช่วยกรองแสง

5หากพอมีพื้นที่เหลือ ควรสร้างบ่อน้ำหรือสระน้ำในทิศทางที่ลมผ่านทิศเหนือ-ใต้ ลมจะช่วยพัดละอองน้ำเข้ามา แต่ควรเปิดทางระบายอากาศไว้ด้วย


ฤดูฝนใกล้เข้ามาแล้ว แต่แปลกที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยชอบซื้อบ้านในฤดูฝน อาจเป็นเพราะความไม่สะดวกในการเดินทาง ทำให้หน้าฝนกลายเป็นโลว์ซีซันของการขายบ้านกันไปโดยปริยาย แต่ในความเป็นจริงเราต้องอยู่บ้านในฤดูฝนยาวนานถึง 5-6 เดือน ถ้าบ้านหรือโครงการไม่พร้อมรับมือ ฝนนี่แหละจะสร้างปัญหาในการอยู่อาศัยได้มากที่สุด แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าบ้านเราพร้อมรับกับฤดูฝนได้เป็นอย่างดี บททดสอบจากฟ้าฝนจึงเป็นหนึ่งในข้อพิจารณาในการเลือกซื้อบ้านที่ใครหลายๆคน มองข้ามไปเริ่มจากภายนอกโครงการ เมื่อมีฝนและน้ำท่วมจะทำให้เราได้รับรู้ว่าทำเล ที่เราเลือกจะไปอยู่นั้นสูงต่ำมากน้อยแค่ไหน พอที่จะรับกับสภาพปัญหาน้ำท่วมได้หรือไม่ ฝนตกน้ำท่วมขนาดนี้ดูด้วยตาก็รู้ว่าควรอยู่หรือไม่ควรอยู่อาศัยในทำเลนั้น นอกจากนี้ยังสามารถสำรวจพื้นที่ตั้งโครงการได้ว่า เจ้าของโครงการจัดการกับปัญหาน้ำท่วมมากน้อยขนาดไหน ตั้งแต่เรื่องการถมดินเพื่อพัฒนาโครงการสูงพอหรือไม่ ไปจนถึงการวางระบบระบายน้ำในโครงการดีพอ กับการรับมือเมื่อน้ำท่วมหรือเปล่าสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้จากฝนที่ตกลงมา ต่อคุณภาพของการก่อสร้างบ้านว่ามีคุณภาพดีพอหรือไม่ ไล่กันตั้งแต่หลังคายันฝาบ้าน รวมไปถึงระบบสุขาภิบาลในบ้าน ในช่วงเวลาที่มีฝนตกลงมา หลายโครงการประสบปัญหารั่วซึมให้เห็นกันจะจะ แถมการระบายน้ำภายในบ้านยังไม่ดีพอ รวมไปถึงการเทพื้นที่ไม่ได้มาตรฐานจึงทำให้เห็นน้ำท่วมขังกันบ่อยๆช่วงเวลา ที่เหมาะจะสังเกตพฤติกรรมของน้ำฝนก็คือ เวลาที่ฝนตกหนักๆซึ่งจะมีลมพายุพัดแรงทุกทิศทุกทาง ควรจะสังเกตว่าน้ำฝนที่หลังคาไหลไปทิศทางใดบ้าง มีส่วนใดของบ้านเกิดรอยด่างเพราะน้ำฝนหรือไม่ บริเวณที่ควรสำรวจดูร่องรอยน้ำฝน ได้แก่1. ระหว่างวงกบและผนังปูนจะมีขอบยางกันน้ำรั่วเข้ามาเวลาฝนตกแรงๆ โดยปกติน้ำจะไม่รั่วเข้ามาภายในรอยต่อที่ผนังปูนฉาบกับวงกบประตู2. หน้าต่าง เมื่อวัสดุต่างชนิดกันมาเชื่อมต่อกัน จึงไม่สามารถทำให้แนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกันได้ วัสดุจะมีการยืดหดตัวอยู่เสมอตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเมื่อฝนตกแรงๆ อาจทำให้ฝนเซาะเข้าตามร่องรอยต่อระหว่างวงกบและผนัง อีกทั้งเกิดแรงดูดของอากาศจากภายในห้องในช่วงฝนตก ทำให้น้ำฝนวิ่งเข้าสู่ช่องว่างของรอยต่อได้3. พื้นเฉลียงและระเบียง หลังฝนตกให้สังเกตดูว่าบริเวณพื้นเฉลียง และระเบียงมีน้ำเจิ่งนองหรือน้ำฝนขังเป็นแอ่งหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าพื้นผิวมีการระบายน้ำไม่ดีพอ

ตกแต่งบ้านตาม..ฮวงจุ้ยอย่างมีเหตุผล

"ฮวงจุ้ย" เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยภูมิพยากรณ์ของประเทศจีน ซึ่งสั่งสมกันมานับพันๆปี หลักของฮวงจุ้ยนั้นจึงเป็นการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่นในแบบของความ เชื่อ ซึ่งเป็นวิธีการสอนของคนสมัยก่อนมากกว่าการสอนด้วยหลักเหตุผลแบบวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อเรานำความเชื่อของฮวงจุ้ยมาวิเคราะห์กันจริงๆแล้ว จะพบว่าความเชื่อเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับหลักของเหตุและผลอยู่ในความคิด แห่งภูมิปัญญา

วางระบบระบายน้ำในโครงการดีพอ กับการรับมือเมื่อน้ำท่วมหรือเปล่าสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้จากฝนที่ตกลงมา ต่อคุณภาพของการก่อสร้างบ้านว่ามีคุณภาพดีพอหรือไม่ ไล่กันตั้งแต่หลังคายันฝาบ้าน รวมไปถึงระบบสุขาภิบาลในบ้าน ในช่วงเวลาที่มีฝนตกลงมา หลายโครงการประสบปัญหารั่วซึมให้เห็นกันจะจะ แถมการระบายน้ำภายในบ้านยังไม่ดีพอ รวมไปถึงการเทพื้นที่ไม่ได้มาตรฐานจึงทำให้เห็นน้ำท่วมขังกันบ่อยๆช่วงเวลา ที่เหมาะจะสังเกตพฤติกรรมของน้ำฝนก็คือ เวลาที่ฝนตกหนักๆซึ่งจะมีลมพายุพัดแรงทุกทิศทุกทาง ควรจะสังเกตว่าน้ำฝนที่หลังคาไหลไปทิศทางใดบ้าง มีส่วนใดของบ้านเกิดรอยด่างเพราะน้ำฝนหรือไม่ บริเวณที่ควรสำรวจดูร่องรอยน้ำฝน ได้แก่1. ระหว่างวงกบและผนังปูนจะมีขอบยางกันน้ำรั่วเข้ามาเวลาฝนตกแรงๆ โดยปกติน้ำจะไม่รั่วเข้ามาภายในรอยต่อที่ผนังปูนฉาบกับวงกบประตู2. หน้าต่าง เมื่อวัสดุต่างชนิดกันมาเชื่อมต่อกัน จึงไม่สามารถทำให้แนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกันได้ วัสดุจะมีการยืดหดตัวอยู่เสมอตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเมื่อฝนตกแรงๆ อาจทำให้ฝนเซาะเข้าตามร่องรอยต่อระหว่างวงกบและผนัง อีกทั้งเกิดแรงดูดของอากาศจากภายในห้องในช่วงฝนตก ทำให้น้ำฝนวิ่งเข้าสู่ช่องว่างของรอยต่อได้3. พื้นเฉลียงและระเบียง หลังฝนตกให้สังเกตดูว่าบริเวณพื้นเฉลียง และระเบียงมีน้ำเจิ่งนองหรือน้ำฝนขังเป็นแอ่งหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าพื้นผิวมีการระบายน้ำไม่ดีพอ